อีสป นิทานทาส
:
นิทานอมตะ พัฒนาความคิด คุณธรรม ล้ำอนาคต
นายเทวา ชื่นชู รหัส 5414610045
บทนำ
“กาลครั้งหนึ่ง
นานมาแล้ว...นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า...” คำพูดเกริ่นก่อนเล่านิทาน
และบทสรุปคุณธรรม ข้อคิดของเรื่อง ประโยคนี้ เป็นที่คุ้นหู
ชินปากของใครต่อใครเป็นอย่างมาก ตั้งแต่สมัยเด็ก จนโตมีการมีงานทำ ส่งต่อผ่านวันเวลา ประสบการณ์ ให้กับรุ่นต่อ ๆ
มาผ่านลูกหลาน สอดแทรกความรักความอบอุ่น ความผูกพันในขณะเล่า เป็นการสื่อความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว
โดยใช้ตัวแทนของสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลับมีชีวิต พูดได้
คิดได้มากกว่าความเป็นจริง เช่น นิทานเรื่อง กระต่ายกับเต่า ที่กำหนดให้
กระต่ายกับเต่าพูดได้ โดยนำเอาธรรมชาติของสัตว์มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง
โดยทราบผลอยู่แล้วว่า อย่างไรกระต่ายต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน หากแต่มีการหักมุม
โดยการผูกเรื่อง สร้างเหตุการณ์โดยแทรกความคิดด้านลบ คุณธรรมฝ่ายต่ำของคนมาเป็นข้อหักลบให้สิ่งที่คิดว่าแพ้
กลับกลายเป็นผู้ชนะขึ้นมาได้ แล้วให้ข้อคิด
คติเตือนใจถึงความพยายามแม้อาจจะมองไม่เห็นความสำเร็จ และความไม่ประมาท
นิทานอีสป
ถือว่าเป็นนิทานที่เป็นภาษาสากล
ที่คนบนโลกใบนี้รู้จักและเรียนรู้ที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของตนเอง สังคม
และประเทศชาติ โดยธรรมชาติของเนื้อหา
ได้ให้ข้อคิดและแง่คิดที่ดีเป็นประโยชน์จากรุ่นสู่รุ่น จากปากหนึ่งสู่อีกปากหนึ่ง
เฉกเช่นนิทานมุขปาฐะของไทย ที่เล่าสืบต่อกันมา ต่อยอดเป็นหนังสือสำหรับอ่าน
เป็นบันทึกวรรณกรรมชิ้นเยี่ยม เริ่มมีภาพประกอบตามจินตนาการ ทำให้ผู้อ่านสัมผัส
รับรู้ เรื่องราวต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
จนปัจจุบันได้มีการนำนิทานอีสปมาพัฒนาเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย
ทั้งภาพและสียงที่ชัด การเคลื่อนไหว ลูกเล่นที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับเด็กในวัยต่าง ๆ
ซึ่งสื่อวีดิทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนกิส์ในสมัยนี้ นอกจากจะเป็นสื่อเล่านิทานแล้ว
ยังมีเกมต่าง ๆ เพื่อฝึกการอ่าน การคิด และปลูกฝังคุณธรรมที่ดีให้แก่ผู้อ่าน
ไม่ว่านิทานอีสปจะผ่านใช้เวลามาเป็นพันปีแล้วก็ตาม สื่อชนิดใด ๆ
ที่ใช้ถ่ายทอดคติสอนใจต่าง ๆ หากแต่วันเวลาและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
ย่อมตกผลึกทางความคิดที่แตกต่างกันไปตามบริบทและจิตใจภายในของตนเอง นิทาน
จะไม่ก่อเกิดประโยชน์ใด ๆ เลย หากผู้อ่านมิได้นำสิ่งที่ได้มาใช้
เหมือนปล่อยให้น้ำฝนที่ตกลงมาไหลรวมเป็นสายน้ำ เมื่อฝนหยุด
เราไม่มีน้ำสำรองไว้ใช้เลย
ประวัติอีสป
:
ทาสผู้สรรค์จินตคดี
ก่อนคริสตกาล ราวปี 520-620 (208 ปีก่อนพุทธศักราช) อีสป(Aesop) เป็นเสียงที่เพี้ยนมาจากการออกเสียงเพี้ยนของชาวยุโรป ว่า เอธิออป (Ethiop)
หมายถึง ตัวดำ อันเป็นชื่อมาจากประเทศเอธิโอเปีย เขาเป็น
“ทาส”ชาวกรีก อาศัยอยู่ที่เมืองซาร์ดิส บนเกาะซามอส ปัจจุบันคือประเทศตุรกี อีสป
เป็นชายหนุ่มที่ไม่ได้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง เขาเป็นคนพิการ ขี้เหร่
แต่กลับตรงกันข้าม จิตใจของเขานั้นงดงามกว่ารูปกายและสังขารของเขา คา มาริอุส (Camarius)
ผู้เขียนประวัติอีสปได้พรรณนาว่า
“อีสปเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ผิดมนุษย์ คือ จมูกบี้ ปากแบะ ลิ้นคับปาก
หลังงุ้ม ผิวดำมืด อีสปมักจะพูดเสียงอยู่ในลำคอ...”
ด้วยการที่อีสปเป็นทาสผู้ที่มีจิตใจดี
เขาได้เป็นนักเล่านิทานผู้มีความสามารถพิเศษจนเป็นที่รู้จักกันดีในท้องถิ่น
ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่นายทาสชื่อ เอียดมอน และตัวเขาเอง
จนได้รับอิสรภาพจากการเป็นทาส
อันเนื่องมาจากความเป็นผู้ที่มีไหวพริบและสติปัญญาอันเฉียบแหลม
รู้จักการสังเกตรู้ได้ด้วยวิจารณญาณของเขาว่าใครเป็นคนอย่างไร
เขาได้พบกับคนใหญ่คนโตและได้เล่านิทานให้คนเหล่านี้ฟังจนเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
นิทานเรื่อง “กบเลือกนาย”
ที่อีสปใช้เล่า เหมือนเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เป็นนิทานอุปมาอุปไมย
เพื่อสร้างทัศนคติเกี่ยวกับการปกครองของเจ้าเมืองที่ปกครองประชาชนเมืองเอเธนส์
อย่างกดขี่ข่มเหง ทำให้วิกฤตการณ์ผ่านไปด้วยความเลื่อมใสการปกครองของปิซัสเตรตัสได้สำเร็จ
อีสปได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นราชทูต
ทำงานในราชสำนักแห่งกษัตริย์ เครซุส ในช่วงชีวิตสุดท้ายของอีสป
เขาถูกตัดสินประหารชีวิต โดยถูกโยนลงมาจากหน้าผาสูงจนถึงแก่ความตาย
ด้วยเหตุที่ไม่พ้นเรื่องราวทางการเมือง การจบชีวิตของอีสป
เป็นที่น่าเสียดายในความเฉลียวฉลาด การมีไหวพริบ ปฏิภาณ แม้ตัวของเขาจะตาย แต่
นิทานอีสปไม่ตายไปพร้อมกับเขา ลีซิฟัส ชาวเอเธนส์ ได้ปั้นรูปของอีสป
ไว้ข้างหน้าของอนุสาวรีย์ยอดนักปราชญ์ทั้งเจ็ดของชาวเอเธนส์ อีสปได้รับการยกย่องว่าเป็นนักปราชญ์ผู้โด่งดังของชาวเอเธนส์ในยุคนั้น
สัตว์ : ตัวละคร ตัวแทนความดี
ความชั่วของมนุษย์
การถ่ายทอดเรื่องราวในนิทานของอีสป
ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้คนทำความดี รู้จักตัวเอง มีคุณธรรม
หากแต่จะกระทำโดยตรงมิได้ เนื่องจากจะมีภัยมาถึงตัว
ผู้คนที่ได้ฟังจึงคิดว่าเป็นการเล่าขานเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
มิได้เกี่ยวกับการสั่งสอนใคร หรือแม้แต่เรื่องทางการเมือง การนำสัตว์มาเกี่ยวข้องกับการกระทำของมนุษย์
เช่น สิงโตหรือราชสีห์ เป็นตัวแทนของผู้ที่มีอำนาจ ชนชั้นปกครอง คนมีอำนาจ
บุญหนักศักดิ์ใหญ่ ผู้หยิ่งทระนง
มีศักดิ์ศรี หนู เป็นตัวแทนของผู้ต่ำต้อย
เต่า หมายถึงความเชื่องช้า กระต่าย มักจะหมายถึง ความรวดเร็ว
ความตื่นตระหนก หรือความสูงส่ง เช่นกระต่ายบนดวงจันทร์ ลา
เป็นตัวแทนของผู้ที่ด้อยสติปัญญา สุนัขจิ้งจอก
มักหมายถึงคนที่มีความเจ้าเล่ห์
ตัวอย่างตัวแทนสัตว์ดังกล่าวมักกระทบกับจิตใจของคนที่ได้รับฟัง
การผูกเรื่องราวของอีสป
เขาได้ใช้ปัญญาแทนการใช้กำลัง จากการที่เขาเป็นคนพิการขี้เหร่ไม่แข็งแรง
เหตุนี้เอง ความมีปัญญาของอีสปได้นำมาเพื่อเอาชีวิตรอด เขาได้คิด
ผูกเรื่องโดยมีตัวละครในเรื่องแต่ละตัวที่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกัน
มีการแฝงปรัชญาความคิด วิธีการดำรงชีวิต สอดแทรกในเรื่องที่แต่ง
แสดงเหตุของการกระทำและผลที่ตามมา ผู้ฟังเมื่อได้ฟัง
สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตของตนได้ หรือแม้แต่การให้คติสอนใจ
เพื่อจะนำเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ตนเองและคนรอบข้าง สังคม ได้อย่างปกติสุข
นิทานอีสป : ล้าสมัย-ล้ำสมัย
เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2549 ที่ผ่านมา ได้มีข่าวเกี่ยวกับการยกเลิกนิทานอีสปในการสอนในศูนย์อนามัยเด็กเล็กของกระทรวงสาธารณสุข
ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในสมัยนั้นคือ นายพินิจ จารุสมบัติ
ได้ระบุว่าเนื้อหา เรื่องราวของนิทานอีสป ล้าสมัย ไม่เหมาะกับปัจจุบัน
จึงควรปรับปรุงพัฒนารูปแบบให้เหมาะสม
เหตุดังกล่าวนี้เองทำให้เกิดประเด็น ข้อถกเถียงในสังคมอย่างแพร่หลาย
โดยเฉพาะวงการการศึกษา ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน ไม่เห็นด้วย
หรือแม้แต่ครู ผู้ปกครอง นักเรียน ประชาชนทั่วไปที่เกิดมาพร้อมกับเรื่องเล่า
หนังสือนิทาน ที่อีสปเป็นผู้สรรค์สร้าง
รศ.กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์ หัวหน้าภาควิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร ตำแหน่งในขณะนั้น ได้กล่าวว่า
ปัญหาของเรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่ความล้าสมัยของนิทาน
โดยเนื้อหานั้นสามารถนำมาสอนได้ทุกยุคทุกสมัยโดยไม่มีวันตกยุคและไม่มีวันล้าสมัย
เพียงแต่ผู้เล่าต้องหาวิธีหรือเทคนิคมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละวัย
นิทานอีสปให้ทั้งข้อคิด คติสอนใจ ศีลธรรม ถ้ารู้จักการนำมาใช้
จะทำให้เด็กได้รับการฝึกตั้งแต่การอ่าน การพูด การเขียน และการคิดจินตนาการ
พัฒนาสมองให้เด็กฉลาด เช่นเด็กเล็ก ๆ
ไม่ควรใช้ภาษาที่ยากจนเกินไป ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของ รศ.ดร.สมพงษ์
วิทยศักดิ์พันธุ์ หัวหน้าภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ในขณะนั้น ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า นิทานอีสปมิได้ต่างจากนิทานไทย
เพราะนิทานไทยได้รับอิทธิพลและพัฒนาการมาจากนิทานอีสป หากยกเลิกเหมือนเป็นการทำลายภูมิปัญญาและองค์ความรู้ที่ตกผลึกผ่านการหล่อหลอมมาช้านาน
การที่จะมองว่าสิ่งใดล้าสมัยคงต้องมองให้ลึก
ว่าสิ่งนั้นก่อเกิดประโยชน์มากแค่ไหน
เป็นวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์หาความจริงได้ หรือการหาทฤษฎีมาหักล้าง
แม้กระทั่งดาวเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาลที่ยังโดนเขี่ยให้หลุดวงโคจร
และมีการค้นพบดาวดวงใหม่ ไม่พ้นแม้แต่นิทานอีสป
ผู้คนหลายประเทศได้เรียนรู้ซึ่งไม่มีวันล้าสมัย
เนื่องจากเป็นคุณค่าทางด้านการพัฒนาจิตใจคน จึงต้องเรียกว่า ล้ำสมัย
สามารถสั่งสอนคุณธรรมให้คนเป็นคนดีทุกยุคทุกสมัย ทุกเชื้อชาติ ทุกภาษา
เรียกได้ว่าเป็นภาษาสากล
ผลสรุปเรื่องดังกล่าว
สรุปได้ว่าไม่มีการยกเลิกใด ๆ เกิดความเข้าใจผิดทางการพูด
เพียงแค่ท่านต้องการให้พัฒนานิทานให้ทันสมัยเท่านั้นเอง
วรรณกรรมอีสป
:
พัฒนากระบวนการทางความคิด
มีผู้รู้
นักวิชาการหลายท่านได้ให้ความหมายของการคิดไว้หลากความหมาย ขอยกตัวอย่างไว้ ดังนี้
บรูโน (Bruno
) กล่าวว่า การคิดเป็นกระบวนการทางสมองที่ใช้สัญลักษณ์จินตภาพ
ความคิดเห็น และความคิด รวบยอด แทนประสบการณ์ในอดีต ความเป็นไปได้ในอนาคต
และความเป็นจริงที่ปรากฏ การคิดจึงทำให้คนเรา มีกระบวนการ ทางสมองในระดับสูง กระบวนการเหล่านี้ได้แก่
ตรรกศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษา จินตนาการ ความใส่ใจ เชาวน์ปัญญา ความคิดสร้างสรรค์
ฮิลการ์ด (Hilgard ) กล่าวว่า การคิดเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในสมองอันเนื่องมาจากการใช้สัญลักษณ์แทนสิ่ง ของ
เหตุการณ์หรือ สถานการณ์ ต่าง ๆ
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์
เจริญวงศ์ศักดิ์ ได้เปรียบเทียบการคิดเหมือนการเรียงหิน
คนที่เรียงเป็นระเบียบมีระบบเป็นคนที่ “คิดเป็น” จนหินกลายเป็นอาคารที่งดงาม
ในขณะที่คน “คิดไม่เป็น” ยังคงโยนก้อนหิน กอง ๆ อย่างสะเปะสะปะ
ความสามารถในการคิดทำให้มนุษย์ต่างจากสัตว์ ทำให้คนไม่ถูกหลอก ต้องอาศัยการตีความ
วินิจฉัย พิสูจน์ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
อาจสรุปได้ว่า
การคิดเป็นกระบวนการทางสมองโดยอาศัยสัญลักษณ์แทนสิ่งต่าง ๆ เพื่อแปลความ ตีความ เพื่อสื่อความอย่างสร้างสรรค์
เป็นระบบระเบียบ
กระบวนการทางความคิดนี้เองที่เป็นสิ่งสำคัญต่อการนำวรรณกรรมอีสป
หรือนิทานอีสป มาใช้เป็นสื่อการสอนสำหรับเด็ก
เพราะนิทานเป็นการใช้จินตนาการโดยอาศัยสัญลักษณ์ จินตภาพ
ใช้สัตว์เป็นสื่อแทนตัวบุคคล ในการทำความดีความชั่ว ใช้เหตุการณ์หรือสถานการณ์
เปลี่ยนปรับเป็นพฤติกรรม ทำให้เด็กหรือผู้ฟัง ผู้อ่าน ได้สร้างมโนภาพ
เพื่อให้เกิดความคิดเชิงมโนทัศน์ (Conceptual Thinking) เป็นความคิดรวบยอดหรือกรอบความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น
เมื่อได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคุณธรรม ข้อคิด คติในเรื่องนั้น ๆ
สามารถนำมาเชื่อมโยงแนวคิด หรือองค์ประกอบต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องเข้าหาแกนหลักได้อย่างเหมาะสมเพื่ออธิบายหรือให้เหตุผลสนับสนุนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
เรียกว่า การคิดเชิงบูรณาการ (Integrative Thinking)
นิทานเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการคิด
ที่พัฒนาทักษะต่าง ๆ ไม่มีการล้าสมัย หากแต่ขึ้นอยู่กับการตีความ
ถ้าไม่ตีความเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายตน รวมถึงการคิดเพื่อนำข้อคิด คติ
คุณธรรมไปใช้พัฒนาตนเอง สังคม และประเทศชาติ
จากหลักการสู่หลักธรรม
:
นิทานธรรม
สัญญา
สัญญาวิวัฒน์ ได้ให้ความหมายของคุณธรรม ไว้ว่า คุณธรรมหมายถึง ความดี ความงาม
ความซื่อสัตย์ ความพอดี ความอดทน ขยันหมั่นเพียร
รศ.ดร.ทิศนา
แขมมณี กล่าวว่าคุณธรรม
เป็นคุณลักษณะหรือสภาวะภายในจิตใจของมนุษย์ที่เป็นไปในทางที่ถูกต้อง ดีงาม
ซึ่งเป็นภาวะนามธรรมอยู่ในจิตใจ
พจนานุกรมค้นหาคำศัพท์ออนไลน์
(Dictionary
Online) ได้ให้ความหมายของ จริยธรรม ไว้ว่าหมายถึง
ธรรมที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติ, ศีลธรรม กฎศีลธรรม
พระมหาอดิศร ถิรสีโล ได้กล่าวว่า
จริยธรรม
เป็นคุณธรรมที่แสดงออกทางร่างกายในลักษณะที่ดีงามอันเป็นสิ่งพึงประสงค์ของสังคม
จริยธรรม จะมีได้ต้องปลูกฝึกหัดโดยเริ่มจากการปลูกฝังคุณธรรม
จากความหมายทั้งคุณธรรมและจริยธรรมตามที่กล่าวมาพอสรุปได้ว่า
คุณธรรมเป็นคุณสมบัติทีเกิดขึ้นภายในจิตใจที่มีคุณสมบัติไม่เป็นโทษ ถูกต้อง ดีงาม
ทั้งต่อตนเอง และผู้อื่น ส่วนจริยธรรม หมายถึง
สิ่งที่เป็นข้อประพฤติปฏิบัติทางการกระทำหรือพฤติกรรม แสดงออกทางกาย วาจา ใจ
ให้เหมาะแก่กาลเทศะ ฐานะ และเหตุการณ์ในปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้เอง
อีสปจึงใช้นิทานเป็นตัวแทนของการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของคน
หากมีการบอกกล่าวหรือเตือนในรูปแบบตัวต่อตัวหรือการสอนโดยตรง
มักจะไม่เป็นที่ยอมรับ หรือไม่ประสบผลสำเร็จ อีสป มักจะอาศัยการสังเกตบุคคลว่า
หากจะเล่านิทานเรื่องใด เหมาะกับบุคลิกลักษณะของผู้นั้นหรือไม่
และเหมาะกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันกาลอย่างไร ดังเช่นการเลือก “กบเลือกนาย”
เพื่อเป็นสื่อชักชวนให้ชาวเมืองเลื่อมใสในการปกครองของปีซัสเตรตัสดังกล่าวข้างต้น
สรุป
เมื่อย้อนกลับไปหลังจากอีสปได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาส
เขานำนิทานผลงานตนเองมาเล่าเพื่อเลี้ยงชีพ เลี้ยงตัวเอง เหมือนกับ ท่านสุนทรภู่
ที่ได้นำกลอนที่เป็นผลงานออกมาเร่ขายยังชีพหลังจากได้รับการปลดปล่อยอันเป็นผลมาจากความเจ้าชู้ของตน
เมื่อผลงานที่เป็นกลอนตลาดได้รับความนิยมจากเรื่อง นิทานคำกลอน พระอภัยมณี
ทำให้เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจนมีชื่อเสียงและหน้าที่การงานที่ดีทั้งสองท่าน
สิ่งนี้เองความคิดอันบริสุทธิ์ในความปรารถนาที่จะให้ก่อเกิดคุณธรรมที่สอดแทรกลงไปในวรรณกรรม
การสะท้อนภาพในสังคม โดยอาศัยนิทานเป็นสื่อ ย่อมเข้าถึงบุคคลได้มากกว่าวิธีการอื่น
ๆ ถือเป็นกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนในทางอ้อมได้เป็นอย่างดี
นิทานอมตะของอีสป หลายร้อยเรื่องราว
ได้ตีพิมพ์ออกมาผ่านอักษร รูปภาพ สื่ออิเล็กทรอนิกส์หลากแบบ
การนำไปใช้ให้ถูกกับวัย วุฒิภาวะ สถานการณ์ เหตุการณ์ ถือเป็นเรื่องพึงกระทำ
เพื่อให้เกิดคุณธรรม จริยธรรมที่สังคมคาดหวัง
โดยอาศัยกระบวนการทางสมองเป็นการคิดที่สร้างสรรค์นำคติ
ข้อคิดมาบูรณาการใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยไม่ต้องถกเถียงกันให้เสียเวลาว่า ล้าสมัย
หรือล้ำสมัย เหตุผลมันมีในตัวของมันเอง
ตัวอย่างนิทานอีสปที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เช่น เรื่อง เด็กเลี้ยงแกะ ได้สอนให้รู้ว่า
คนที่มักชอบพูดโป้ปดมดเท็จ เมื่อถึงคราวพูดจริงก็ยากที่จะมีใครสักคนเชื่อ เรื่องชาวนากับงูเห่า ได้สอนให้รู้ว่า
การข้องแวะกับคนชั่ว อาจนำภัยมาให้ ซึ่งนิทานเรื่องนี้ตรงกับมงคลชีวิตข้อที่ 1 คือไม่คบคนพาล
เรื่องต้นโอ๊กผู้ยิ่งใหญ่
ได้สอนให้รู้จักการโอนอ่อนย่อมหยัดยืนอยู่ได้นานกว่าแข็งกระด้างตลอดไป
หรือแม้แต่ราชสีห์กับหนู ที่ได้สอนให้อย่าดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่าคน
และอีกหลากหลายคุณธรรมที่สอดแทรกลงในนิทานอีสป เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่า
เป็นวรรณกรรมอมตะที่สร้างลักษณะที่ดีงามทางใจเพื่อสื่อออกมาเป็นพฤติกรรมทางกาย
วาจา และใจ
เรื่องราวของอีสป
ได้ผ่านร้อยหลากเรื่องราว กว่าจะได้รับการยอมรับในผลงานของเขา
เหมือนกับนักวิทยาศาสตร์ผู้สรรค์สรรพสิ่งอันเป็นการอำนวยความสะดวกสบาย นวัตกรรม
ที่เป็นสาธารณประโยชน์ การได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ผู้สร้าง หลายเหตุการณ์มักจะผ่านการสูญเสียผู้นั้นไปจากโลกนี้เสียแล้ว
ถึงจะเห็นคุณค่า ของผู้นั้น เฉกเช่นผลงานของอีสป แม้จะผ่านกาลมากว่าสองพันปี
ประเทศชาติทุกวันนี้เกิดความปั่นป่วนทางความคิด
ปัญหาจากความแปลกแยกด้านการเมือง ขยายวงกว้างไปทุกสถาบัน
แม้กระทั่งสถาบันครอบครัวที่เป็นสถาบันที่เป็นจุดเริ่มต้นของความรัก ความสามัคคี
หากพ่อแม่ลูกคิดต่าง คงไม่แปลกแต่กลายเป็นการคิดแตก คิดแยก
เพราะได้รับข้อมูลแต่ขาดกระบวนทางความคิด วิเคระห์
หรือแม้แต่คนในสังคมมิได้นำข้อคิด คติ คุณธรรมที่ปรากฏในนิทานอีสปมาใช้
คงต้องส่งเสริมให้คนในสังคมฟังและอ่านให้มากขึ้น
นำสิ่งที่ได้มาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์กว่าแต่ก่อน
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศชาติ บ้านเมืองยิ่งเจริญมากเท่าไร
จิตใจของคนต้องพัฒนาให้มากกว่า
ดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้พระราชทานในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า
งามเฉลิมสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี ณ
พลับพลาท้องสนามหลวง วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พุทฑศักราช 2525
เรื่องคุณธรรมสี่ประการ
“การรักษาอิสรภาพและความเป็นไทยให้ดำรงมั่นคงยืนยาวไป ถือว่าเป็นกรณียกิจอันสำคัญสูงสุด
นอกจากต้องอาศัยการบริหารประเทศที่ลาด สามารถ และสุจริตเป็นธรรมแล้ว
ยังต้องอาศัยความร่วมมือสนับสนุนจากประชาชนทั้งประเทศด้วย
คือประชาชนแต่ละคนต้องขวนขวายสร้างสรรค์ประโยชน์
และดำรงอยู่ในคุณธรรมอันสมควรแก่ฐานะของตน
คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติมีอยู่สี่ประการ
ประการแรก คือการรักษาความสัจ
ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติ แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม
ประการที่สอง คือการรู้จักข่มใจตนเอง
ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจ ความดีนั้น
ประการที่สาม คือการอดทน อดกลั้น
และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าด้วยเหตุประการใด
ประการที่สี่ คือการรู้จักละวางความชั่ว
ความทุจริตและรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตน เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง
คุณธรรมสี่ประการนี้
ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว
จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น
และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปดังประสงค์”
บรรณานุกรม
ชนาธิป
พรกุล.(2554). การสอนกระบวนการคิด ทฤษฎีและการนำไปใช้. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ธนากิต. (2541). อมตะนิทาน.
กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
จันทรา ครุธแก้ว. (2552). ประวัติอีสป. ค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2554,
จาก
นภดล. (2554). ประวัติของอีสป. ค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2554,
จาก http://www.bunnarak.com
กองบรรณาธิการ
คม ชัด ลึก. (2549).
ครู-นักเรียนรุมค้านเลิก “นิทานอีสป”.
ค้นเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2554,
จาก http://news.sanook.com/crime
เกรียงศักดิ์
เจริญวงศ์ศักดิ์. (2545).
การพัฒนาทักษะการคิด. ค้นเมื่อ 13
พฤศจิกายน 2554, จาก
http://www.ifd.or.th
ออมสิน.
(2552).
ประวัติของนายอีสป. ค้นเมื่อ 13
พฤศจิกายน 2554, จาก
http://www.dhammakid.com
natspdo.
(2009). พระราชดำรัสคุณธรรมสี่ประการ.
ค้นเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2554, จาก
board.palungjit.com/f10/พระราชดำรัสคุณธรรมสี่ประการ-194344.html
guru.sanook.com/dictionary
http://www.o-thai.com/index
http://www.novabizz.com/NovaAce/Intelligence/Thinking_is.htm